ในการออกแบบสื่อกราฟฟิก เราอาจจะเข้าใจผิดว่า ต้องใช้ความอาร์ทหรือความคิดสร้างสรรค์เท่านั้นถึงจะสร้างสรรค์งานกราฟฟิคที่มีคุณภาพได้ แต่ไม่เสมอไป ถ้าหากใครก็ตามที่ได้เรียนรู้หลักการออกแบบ 4 ข้อ และเข้าใจในพื้นฐานนี้ ก็สามารถออกแบบงานกราฟฟิกที่สวยและมีคุณภาพได้เช่นกัน
หลักการ 4 ข้อนี้ ได้อธิบายไว้ในหนังสือ The Non-Designer’s Design Book ผลงานของ โรบิน วิลเลี่ยม (Robin William) ซึ่งมีดังนี้
- การจัดวางให้ใกล้ชิด (Proximity)
- การจัดวางตามแนว (Alignment)
- การทำซ้ำ (Repetition)
- การทำให้ต่าง (Contrast)
ผมก็จะเอาตัวอย่างในหนังสือ มาเล่าในรูปแบบแปลไทยบ้าง หรือหยิบยกตัวอย่างจากประสบการณ์จริงบ้างก็แล้วกันนะ มาเริ่มหลักการแรกกันเลย
การจัดวางให้ใกล้ชิด (Proximity)
ภาพด้านบนเป็นตัวอย่างนามบัตรที่คนออกแบบไม่มีความรู้เรื่องการจัดวางใกล้ชิดเลย ทำให้คนที่เห็นนามบัตรนี้ในครั้งแรกจะต้องโฟกัสข้อมูลถึง 5 จุดเลย
หลักการข้อนี้ง่ายนิดเดียวคือ การจัดกลุ่มความสัมพันธ์ของข้อมูล (ทั้งตัวอักษรและรูปภาพ) ที่มีความเกี่ยวข้องกันมากที่สุดให้มาอยู่ใกล้ๆ กัน โดยใช้ช่องว่าง (Whitespace) เป็นตัวแบ่งข้อมูล
ดังนั้นเมื่อเราได้รู้หลักการตามด้านบน นามบัตรใหม่ของเราก็จะมีผลลัพธ์ดังภาพด้านบน จากโฟกัสที่กระจัดกระจายไป 4-5 ทิศ คราวนี้เหลือโฟกัสเพียงแค่ 2 จุดเอง เพราะเรากรุ๊ปข้อมูลที่เป็น ชื่อแบรนด์กับชื่อเจ้าของนามบัตร แยกข้อมูลที่เป็นที่อยู่เบอร์ติดต่อเป็นอีกกรุ๊ปด้วยช่องว่างระหว่างกลาง (Whitespace)
ตัวอย่างข้อมูลสมัครงานที่พิมพ์ติดๆ กันแบบนี้ ถึงแม้จะมีตัวหนาสื่อให้รู้ถึงหัวข้อ แต่เพราะไม่มีช่องว่างมาช่วยในการจัดกลุ่มจึงทำให้การอ่านและการรับรู้ดูจะลำบาก
พอจัดกลุ่มข้อมูลด้วยช่องว่าง (Whitespace) เพียงเราอ่านสแกนสายตา ก็รู้ได้ว่ามีกลุ่มข้อมูลอยู่ 3 กลุ่มอย่างชัดเจน
การใช้ย่อหน้าก็เป็นการแบ่งกลุ่มข้อมูลด้วยเช่นกัน ตัวอย่างรูปด้านบนเป็นเมนูอาหาร การย่นรายการอาหารเข้าไปก็คือการเพิ่มช่องว่าง (Whitespace) ที่ด้านหน้า ซึ่งก็คือการแบ่งกรุ๊ปข้อมูลในชั้นที่ 2 (แบ่งระหว่างหัวข้อประเภทอาหารกับรายการอาหาร) หลังจากที่มีการแบ่งกรุ๊ประหว่างประเภทอาหารในชั้นที่ 1
หลักการง่าย ต่างที่มุมมอง
นี่คือหลักการข้อแรกซึ่งเป็นวิธีการที่แสนง่าย เพียงแค่เอาข้อความหรือรูปภาพที่มีความเกี่ยวข้องกันมาอยู่ใกล้กัน (Proximity) แต่ในความยากของมันคือ ในบางครั้งข้อมูลที่จะสร้างความสัมพันธ์ มันมีได้หลายกรณีหรือมีความเกี่ยวข้องที่ไม่ได้แบ่งแยกชัดเจน การที่เราต้องตัดสินใจว่า จะสร้างความสัมพันธ์ของข้อมูลไหนให้มาอยู่ใกล้กัน นั่นคือความท้าทาย หากตัดสินใจผิด ก็อาจทำให้การสื่อข้อมูลไม่ได้ประสิทธิภาพ และหากตัดสินใจถูก ก็จะทำให้งานออกแบบของเรามีคุณภาพในระดับมืออาชีพและสื่อสารได้ตรงจุดประสงค์ มาดูตัวอย่างทิ้งท้ายกัน
แบนเนอร์ A ด้านบน ผมเลือกที่จะสร้างความสัมพันธ์ของคำว่า โปรโมชัน-ลด50% และสร้างอีกความสัมพันธ์สำหรับข้อมูลส่วนที่เหลือ ในเหตุผลที่ผมต้องการบอกว่า มันคือโปรโมชันที่มีสิทธิประโยชน์อะไรให้เด่นชัด
แบนเนอร์ B ผมเลือกสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคำว่า โปรโมชัน-หมวดสินค้าแฟชั่น และอีกกรุ๊ปสำหรับข้อมูลส่วนที่เหลือ ในเหตุผลที่ผมต้องการสื่อว่า โปรโมชันนี้สำหรับหมวดสินค้าประเภทไหน เพราะกลัวคนเข้าใจผิดว่าสินค้าหมวดอื่นจะลด 50% เหมือนกัน จึงตัดสินใจสร้างความสัมพันธ์แบบนี้
จะเห็นว่าทั้งสองแบนเนอร์นี้ ไม่มีแบบไหนที่ผมสามารถบอกได้ว่าดีที่สุด มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผมที่ต้องหาเหตุผลมารองรับการตัดสินใจนั้นๆ งานดีไซน์ที่ดีจึงสร้างสรรค์ด้วยหลักการและเหตุผล