การลงขายของใน Lazada การตั้งชื่อสินค้าเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกเลยนะ เพราะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าหาสินค้าของเราเจอท่ามกลางสินค้ากว่าล้านๆ รายการ และมีส่วนช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้าอีกด้วย ผมก็จะมาแชร์วิธีการที่ร้านของผม (Rala Music ซึ่งขายสินค้าในหมวดเครื่องดนตรี) ใช้ในการตั้งชื่อสินค้าเพื่อขายของใน Lazada และช่องทางออนไลน์อื่นๆ ล่ะ
1. ใช้เครื่องหมาย © และ ™ ช่วยเสริมบารมีแบรนด์
หากร้านค้าไหนที่มีการขายสินค้าแบรนด์เนม ผมขอแนะนำให้เติมเครื่องหมาย © (หรือ ™) หลังชื่อแบรนด์ เช่น ร้านผมมีจำหน่ายกีตาร์แบรนด์ Yamaha เวลาผมตั้งชื่อสินค้า ผมจะเขียนว่า
Yamaha© กีตาร์โปร่ง รุ่น F310
เห็นไหมครับ สินค้าเราดูหรูหรา น่าเชื่อถือขึ้นมาทันที ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นของแท้ ของแบรนด์เนมจริงๆ สัญลักษณ์พิเศษนี้ ผมลองดูแล้ว จะไม่มีผลกระทบในการค้นหา หมายความว่า หากค้นหาด้วยคำว่า ‘Yamaha’ ระบบก็ให้ความสำคัญเท่ากันระหว่าง Yamaha© และ Yamaha แต่แบบแรกมันดูดีกว่าเยอะเลยว่าไหมครับ
2. ใส่คุณสมบัติเข้าไปในชื่อสินค้า
ในชื่อสินค้า เราสามารถใส่คุณสมบัติสินค้าเข้าไปในชื่อสินค้าได้เลย เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและดูสร้างความรู้สึกเหมือนว่าลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากสินค้าเยอะขึ้น เช่น Yamaha© กีตาร์โปร่ง รุ่น F310 ผมก็จะเขียนคุณสมบัติเพิ่มเข้าไปเป็น
Yamaha© กีตาร์โปร่ง 41 นิ้ว รุ่น F310
หรือหากเป็นแอมป์กีตาร์ผมก็อาจจะเขียนว่า
Blackstar® FLY Pack แอมป์กีตาร์ & ตู้ลำโพงคาบิเน็ต ระบบสเตอริโอ 6 วัตต์ เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ มีเอฟเฟคเสียงแตก & เสียงดีเลย์
จะสั้นจะยาวก็จัดได้เต็มที่เลยครับ เพราะในช่องชื่อสินค้ารองรับได้ 255 ตัวอักษรเลยเชียว จะสังเกตว่า ถ้ามีการเขียนคุณสมบัติที่ยาวหน่อย ผมจะเอาชื่อรุ่นของสินค้ามาไว้ข้างหน้าแทน เพราะหากค้นหาด้วยคำว่า ‘Blackstar FLY Pack’ การเอาชื่อรุ่นไว้ข้างหน้าจะทำให้มีคะแนนการแมทช์ชิ่งสูงกว่าแบบเอาชื่อรุ่นไว้ข้างหลัง (ตัวอย่าง: Blackstar® แอมป์กีตาร์ & ตู้ลำโพงคาบิเน็ต ระบบสเตอริโอ 6 วัตต์ เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ มีเอฟเฟคเสียงแตก & เสียงดีเลย์ รุ่น FLY Pack)
3. ใช้เครื่องหมาย ‘+’ สำหรับของแถม
หากสินค้าที่เราขายมีของแถมหรืออาจจะเป็นการจัดชุดขายพร้อมสินค้าอื่น ผมเลือกใช้เครื่องหมายบวก (+) เพื่อเป็นการเน้นย้ำว่า สินค้าด้านหลังเครื่องหมาย ‘+’ คือสินค้าที่ลูกค้าได้ไปฟรีๆ หากของแถมมีมากกว่า 1 ชิ้น ผมจะเลือกใช้เครื่องหมาย ‘&’ เพื่อเชื่อมของแถม จะไม่ใช้เครื่องหมาย ‘+’ หลายๆ อัน เพราะหลังเครื่องหมาย ‘+’ ผมจะเริ่มด้วยคำว่า ‘แถมฟรี’ ตัวอย่างของกีตาร์โปร่ง Yamaha หากผมมีของแถม ก็จะเขียนดังนี้
Yamaha© กีตาร์โปร่ง 41 นิ้ว รุ่น F310 + แถมฟรีกระเป๋ากีตาร์โปร่ง & คาโป้ & คู่มือ
ของแถมความจริงคืออะไรก็ได้นะครับ ที่มีแถมมาพร้อมในกล่องสินค้า อาจจะเป็นคู่มือสินค้า ก็สามารถระบุให้เป็นของแถมก็ได้ ยิ่งเป็นการทำให้ลูกค้าอุ่นใจว่าได้ซื้อสินค้าของแท้ และหากใช้งานไม่เป็นก็สามารถมาอ่านคู่มือได้ หรือจะเป็นสายอแดปเตอร์, สายเชื่อม USB ซึ่งจริงๆ มันมาพร้อมกับสินค้าโดยปกติอยู่แล้ว แต่เราเอามาเขียนเป็นของแถมให้ดูเหมือนว่าลูกค้าได้อะไรมากกว่าแค่ตัวสินค้าล่ะ อย่ามองข้ามของแถมที่อยู่ในกล่องพวกนี้เลยนะครับ ใส่ไปให้หมดเลยนะ
ก่อนที่ผมจะมาใช้เครื่องหมาย ‘+’ ผมมีใช้เครื่องหมายขีดกลาง ( – ) มาก่อน แต่เนื่องจากผมเห็นว่ามันเป็นเครื่องหมายที่คล้ายเครื่องหมายลบ ซึ่งสื่อความหมายถึงการสูญเสีย จึงหันมาใช้เครื่องหมายบวก (+) แทน ในความหมายโดยแง่ของการได้รับ, การเพิ่มพูน
4. ใช้เครื่องหมาย **…** เน้นฟีเจอร์หรือรายละเอียดเด่นของสินค้า
ในสินค้าที่มีจุดเด่นที่เราอยากจะนำเสนอมากๆ ผมจะใส่ข้อมูลตรงนี้ไว้ในระหว่างเครื่องหมายดาวดาว (**) เพื่อเน้นให้ลูกค้าเห็นว่า สินค้าตัวนี้มันเยี่ยมตรงนี้ ยกตัวอย่างเช่น สายกีตาร์แบรนด์ Ernie Ball เป็นสายที่ผลิตที่ USA ผมก็จะเอาจุดเด่นตรงนี้ไปเขียนชื่อสินค้า ดังนี้
Ernie Ball© สายกีตาร์โปร่ง เบอร์ 10 รุ่น Earthwood ** Made in USA **
อีกตัวอย่าง หากเป็นสินค้ามีประกัน ผมก็จะเขียน
Carlsbro กลองชุดไฟฟ้า 5 กลอง 3 แฉ รุ่น CSD120 ** ประกันศูนย์ 1 ปี **
เริ่มพอจะเห็นลักษณะข้อมูลที่น่าจะเอาไปใส่ไว้ใน ‘**’ แล้วเนอะ งั้นผมจะลองแสดงอีกตัวอย่างนะ
Fantasia กีตาร์โปร่ง 41 นิ้ว รุ่น F100N ** กีตาร์โปร่งมือใหม่ที่ขายดีที่สุด **
เห็นไหมว่า จากกีตาร์โปร่งที่แสนธรรมดา พอเพิ่มคำบรรยายใน ‘**’ ก็ดูน่าซื้อขึ้นมาทันทีเลย แต่ก็ต้องเป็นคำที่ไม่โฆษณาเกินจริงล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน หึๆๆ
5. ใช้คำสินค้ารุ่นที่ขายดี มาเสริมบารมี
ในวงการกีตาร์โปร่งมือใหม่ ใครๆ จะรู้ว่า กีตาร์โปร่ง Yamaha F310 จะเป็นกีตาร์โปร่งแบรนด์เนมที่ขายดีมากๆ แต่ผมไปเจอกีตาร์โปร่งตัวนึงที่แบบว่ามีสเปคคล้ายๆ กับกีตาร์โปร่ง Yamaha F310 ก็เลยเขียนชื่อสินค้าว่า
Clevan D10 กีตาร์โปร่ง 41″ หย่องแบบ Nubone + สายกีตาร์ D’Addario ** กีตาร์โปร่งสเปค Yamaha F310 **
จากตัวอย่างนี้ ผมใช้เทคนิคเกือบทุกอย่างที่ได้เล่ามาก่อนหน้า ทั้งใส่คุณสมบัติ มีใส่ข้อมูลของแถมโดยใช้เครื่องหมาย ‘+’ (จะเห็นว่าแม้สายกีตาร์จะมีใส่มากับตัวกีตาร์แล้ว แต่เพราะมันเป็นสายแบรนด์เนม ผมก็มองว่ามันเป็นของแถม) สุดท้ายก็เอาจุดเด่นของกีตาร์ตัวนี้มาใส่ไว้ใน ‘**’ โดยเลือกใช้คำคีย์เวิร์ดยอดฮิต คือ Yamaha F310 เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชื่อสินค้า
ข้อดีของการตั้งชื่อสินค้าโดยมีแบรนด์รุ่นสินค้าอื่นที่ขายดีก็คือ เวลาลูกค้าค้นหาสินค้าด้วยคำว่า ‘Yamaha F310’ กีตาร์ตัวนี้ก็จะโผล่ติดมาให้เห็นด้วยครับ โดยพึ่งกระแสความแรงของสินค้าแบรนด์เนมอื่น ผลักดันตัวมันเองให้ประจักษ์แก่สายตาลูกค้าได้เร็วกว่าต้องมาบิวต์ดันสินค้าเองตั้งแต่ต้น
ดังนั้น หากสินค้าของเรามันมีสเปคคล้ายๆ กับสินค้าแบรนด์เนมตัวไหนที่ขายดีในท้องตลาด ก็ลองหยิบยืมชื่อแบรนด์+รุ่น มาไว้ในชื่อสินค้าของเรา ก็ไม่มีใครว่าอะไร หากคุณสมบัติของสินค้าเรามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ปล. หากเป็นสินค้าก๊อปปี้แบบเหมือนกันเป๊ะๆ อันนี้ ตัวใครตัวมันนะ แหะๆ ^^!
ชื่อสินค้าสไตล์เรา
ทั้ง 5 วิธีการตั้งชื่อที่ผมนำเสนอ ต้องขอบอกไว้ว่า มันคือสิ่งที่ผมได้นำไปใช้ในการตั้งชื่อสินค้าใน Lazada จริงๆ นะ และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ขายได้ดีขึ้น แต่ผมเชื่อว่าร้านค้าอื่นก็มีสไตล์การตั้งชื่อต่างกันออกไปและดีกว่าแบบของผมเสียอีก หรือเหมาะสมกับสินค้าประเภทนั้นมากกว่าวิธีที่ผมบอกซึ่งอ้างอิงสินค้าในหมวดเครื่องดนตรี หากใครมีวิธีการตั้งชื่อสินค้าสไตล์เฉพาะ ก็เมนต์แชร์ด้านล่างได้เลย อยากเรียนรู้เหมือนกันนะ